รีสอร์สสวยๆ ที่แทรกตัวเข้ามาแนบชิดชายหาด หรือแบบที่แทบจะก้าวออกจากที่พัก แล้วปลายเท้าสัมผัสน้ำทะเลสีครามได้เลย ยิ่งเป็นความใฝ่ฝันของนักท่องเที่ยวที่ต้องการกลืนตัวเองเข้ากับธรรมชาติ นับเป็นการเสพความสุขจากหาดสาย สายลม และท้องทะเล โดยแกล้งลืมไปว่าได้ย่ำยีธรรมชาติอย่างไรบ้าง
แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติจะมีส่วนในการพัฒนาสายพันธุ์สิ่งมีชีวิตและคัดเลือกผู้อยู่รอด แต่สาเหตุหลักที่เปลี่ยนแปลงสิ่งเหล่านั้นอย่างไม่สมควร ย่อมปฏิเสธไม่ได้ว่ามาจากน้ำมือของมนุษย์ จะมีสักกี่ชีวิตที่เอาตัวรอดจากสิ่งเหล่านี้ มาเป็นเวลานานนับร้อยล้านปี เฉกเช่น เต่ามะเฟือง (Leatherback Turtle, Leathery turtle) เต่ายักษ์นักเดินทาง ที่เราอยากตามรอยท่องท้องทะเลทั่วโลกไปกับมัน
มีหลักฐานวาเต่าทะเลเป็นสัตว์ดึกดำบรรพ์ ที่อยู่มานานมากว่า 130 ล้านปี โดยทั่วไปการแพร่กระจายของเต่าทะเลพบเฉพาะในเขตร้อนและเขตอบอุ่น เต่าทะเลทั่วโลกที่พบมีอยู่ 8 ชนิดด้วยกัน คือ เต่ากระ (Erethmochelys imbricata), เต่าตนุ (Chelonia mydas), เต่าตนุหลังแบน (Chelonia depressa ), เต่าหัวค้อน (Caretta Caretta), เต่าหญ้า (Lepidochelys olivacea) เต่าหญ้าแอตแลนติก (Lepidochelys kempii) และเต่าดำ (Chelonia agassizii ) และสุดท้าย เต่ามะเฟือง (Dermochelys coriacea)
สกอตต์ เอ็กเกิร์ต จากเครือข่ายอนุรักษ์เต่าทะเลไวเดอร์แคริบเบียน กล่าวว่า "ตอนที่ ที.เร็กซ์. ครองความเป็นเจ้านักล่าบนพื้นพิภพ พวกมันก็คลานต้วมเตี้ยมบนชายหาดเเล้วครับ" (Nation Geographic พฤษาคม 2552) นี่คือคำยืนยันว่า เต่ามะเฟือง อยู่บนโลกสีน้ำเงินใบนี้มายาวนานแค่ไหน
กระดองของเจ้าเต่าชนิดนี้แตกต่างจากเต่าอื่นๆ โดยจะเข้ารูปพอดี ไม่ใหญ่ยื่นออกมานอกลำตัว ลักษณะคล้ายหนังนิ่มๆไม่เป็นเกล็ดแข็ง มีรูปทรงยาวรี มีแนวสันนูนตามแนวยาว สันบนหลังมี 6 แถว ยาวตลอดลำตัวด้านท้องมี 5 แถว ลำตัวมีสีดำจุดขาว ซึ่งมองแล้วคล้ายผลมะเฟือง และนี่ก็คือที่มาของชื่อมัน
ในอดีต นักวิทยาศาสตร์พบว่า เต่ามะเฟืองเป็นสัตว์ที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ในเขตร้อน แต่มันกลับแพร่กระจายไปทั่วโลก เต่ามะเฟืองมีถีชีวิตที่แตกต่างไปจากเต่าทะเลชนิดอื่นๆ ที่ดำรงชีวิตอยู่ในทะเลปิด เต่ามะเฟืองส่วนใหญ่ใช้ชีวิตล่องลอยอยู่ในทะเลเปิดที่ห่างไกลจากฝั่งมาก โดยเคลื่อนที่ไปกับกระแสน้ำ จะกลับเข้าฝั่งเฉพาะเมื่อวางไข่เท่านั้น มันเป็นยอดของการเป็นนักเดินทางที่ทรหดด้วยสรีระทั้งกระดองที่ยืดหยุดพอดีตัว และเพรียวลู่เล็กลงเป็นรูปหยอดน้ำ ทำให้มันว่ายน้ำได้อย่างคล่องแคล่ว ว่ายน้ำข้ามมหาสมุทรได้ และยังดำน้ำได้ลึกกว่าหนึ่งกิโลเมตร ยามเดินทางที่ต้องอยู่ท่ามกลางอุณภูมิของน้ำที่หนาวเหน็บ จนแทบจะเป็นน้ำแข็ง ซึ่งน่าจะเป็นที่อยู่ของแมวน้ำหรือเพนกวินเท่านั้น มันสามารถทำร่างกายให้อบอุ่นได้ เพราะชั้นไข้มันหนาๆ และด้วยระบบของ การควบคุมการเปลี่ยนแปลงอุณภูมิในร่างกายของสัตว์ขนาดใหญ่ (gigantoterrmy) ที่จะเก็บกักพลังงานความร้อนไว้ในมวลร่างกายที่ใหญ่โตของมัน ในบางครั้งนักวิจัยพบว่า เลือดที่ไหลเวียนไปหล่อเลี้ยงร่างกายและกลับจากบริเวณผิวหนังจะหยุดเป็นช่วงๆเพื่อเก็บความร้อนไว้ในลำตัว
ในอดีตแหล่งที่ขึ้นชื่อว่าเต่ามะเฟืองขึ้นมาวางไข่มากที่สุดคือ บนหาด Terengganu (ตรังกานู) ทางตะวันออกของมาเลเซียใน ค.ศ. 1956 มีรายงานว่าพบไข่เต่ามะเฟือง10,155 รัง ประมาณว่ามีเต่ามะเฟืองในทะเลแถวนั้นมากกว่า 2,000 ตัว แต่ใน ค.ศ. 1995 มีเต่าขึ้นมาวางไข่เพียง 27 รัง ปัจจุบันจำนวนเต่ามะเฟืองที่เคยขึ้นมาวางไข่บนชาดหาดเขตร้อนและกึ่งเขตร้อน ตามแนวชายหาดมหาสมุทรแปซิฟิกของแมกซิโกและอเมริกากลางในปัจจุบันหาเงาของเตามะเฟืองได้ยากเต็มที
สิ่งที่น่าศึกษาคือ เหตุใดจำนวนเต่าในมหาสมุทรแอตแลนติกมีแนวโน้มกำลังเพิ่มขึ้น แต่ในมหาสมุทรแปซิฟิกกลับลดจำนวนลงอย่าน่าใจหาย ปัจจัยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นความอุดมสมบูรณ์ของอาหารในน่านน้ำแอตแลนติกเหนือ อาจเกิดขึ้นจากกิจกรรมกิจกรรมการประมงของมนุษย์ที่ทำลายท้องทะเลส่วนใหญ่กลับมีผลทำให้แมงกระพรุนอันเป็นอาหารของเจ้าเต่ามะเฟืองอุดมสมบูรณ์ขึ้น หรืออาจเป็นเพราะการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ปรากฏการณ์เรือนกระจก ปรากฏการณ์แอลนีโญ ที่ส่งผลต่อระบบนิเวศใต้ท้องทะเลแห่งนี้ หรืออาจบางทีนี่จะเป็นผลจากการที่นักอนุรักษ์ได้ร่วมมือกันทำให้มหาสมุทรแอตแลนติกน่าอยู่สำหรับเต่ามะเฟืองมากขึ้น
สำหรับประเทศไทย พบเต่ามะเฟืองได้ในน่านฝั่งทะเลอันดามันบริเวณจังหวัดพังงา และภูเก็ต ตามชายฝั่งบ้านทะเลนอก หาดกะรน หาดไม้ขาว หาดท้ายเหมือง แต่ก็พบเพียงน้อยนิดบางปีไม่มีเลยสักรังเดียว
ปัจจุบันมีนักวิทยาศาสตร์ และนักอนุรักษ์จำนวนไม่น้อยที่คอยรักษาชีวิตพวกมัน ทั้งการคุ้มครองชายหาดเพื่อให้ปลอดภัยพอให้แม่เต่าขึ้นมาวางไข่ การออกแบบอวนที่ขึงเพื่อล่าปลาของชาวประมงให้ติดเต่ามะเฟืองได้น้อยลง แต่การเพาะเต่าเพื่อปล่อยลงสู่ทะเลก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก เพราะอาจเกิดความเสียหายอย่างคาดไม่ถึงได้ เช่น เมื่อครั้งที่มีการพยายามนำไข่เต่ามาฟักเองแต่ไม่รู้ถึงผลกระทบของเรื่องอุณหภูมิ ทำให้ลูกเต่าเกือบทั้งหมดออกมาเป็นเต่าเพศเมียทั้งหมด หรือการที่เต่ามะเฟืองเป็นเต่าที่ดำรงชีวิตน้ำลึก จึงไม่สามารถเก็บมาอนุบาลได้เป็นเวลานาน ในเวลานี้ทั่วโลก จึงมักเลือกใช้วิธีปล่อยลูกเต่าทันทีที่ออกจากรัง ดังนั้นเเล้วเพื่อการอนุรักษ์ที่จะประสบความสำเร็จ นักวิชาการและนักอนุรักษ์ จึงต้องศึกษาวงจรชีวิตและวิธีอนุรักษ์ในรูปแบบต่าง ๆ ให้เข้าใจอย่างลึกซึ้ง
ข้อมูลอ้างอิง
ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับเต่าทะเล ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล กองทัพเรือ
เต่ามะเฟืองนักท่องโลก นิตยสารเนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก ฉบับภาษาไทย
กำเนิด...เต่ามะเฟือง TalayThai.com
เต่าทะเล www.phangngacity.com
เต่ามะเฟือง วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เต่ามะเฟือง The Greater Phuket Magazine
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น