ผู้ปรับตัวได้เท่านั้นจึงจะอยู่รอด " Charles Darwin เจ้าทฤษฎีแห่งการวิวัฒนาการได้กล่าวไว้ประมาณนี้
การพรางตัว (camouflage) เป็นการซ่อนตัว โดยปกปิดตัวมันเองให้รอดพ้น รวมถึงการเลียนแบบ (mimic) ซึ่งเป็นพฤติกรรมการเลียนแบบให้ตัวมันเหมือนสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นเพื่อตบตาสัตว์ต่างๆให้เข้าใจมันผิดไป นับเป็นความสามารถทางวิวัฒนาการ ที่พวกมันสามารถปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมได้อย่างแนบเนียน เพราะผู้ที่แข็งแกร่งและปรับตัวเองได้เท่านั้นจึงจะสามารถอยู่รอด สิ่งเหล่านี้ Charles Darwin ได้อธิบายไว้ในกระบวนการที่เรียกว่า “การคัดเลือกโดยธรรมชาติ” (Natural selection)
การพรางกายของสัตว์ มันทำเพื่อเป็นทั้งการซ่อนตัวเพื่อรักษาชีวิตจากเหล่านักล่า หรือบ้างก็ทำเพื่อตบตาเหยื่อในฐานะนักล่าเสียเอง เพราะผู้ล่าก็ใช่ว่าจะต้องเล่นเกมรุกเข้าหาเหยื่อเสมอไป นักล่าบางตัวจึงเลือกที่จะทำตัวกลมกลืนไปกับสิ่งแวดล้อมเพื่อซุ่มรอเหยื่อที่เข้ามาหามันเองอย่างสงบนิ่ง
เสน่ห์แห่งการพรางตัวของสัตว์แต่ละชนิดก็มีความแตกต่างกันไป เราลองมารู้ทันการเล่นซ่อนหากับเหล่าสัตว์นักนินจาเหล่านี้กันดู
เริ่มกันที่ ตั๊กแตนใบไม้ จัดอยู่ในอันดับ Phasmatodea วงศ์ Phylliidae ด้วยเทคนิคการพรางตัว ที่ปีกคู่หน้าของมันมีสีสันและเก็บรายละเอียดจุดเล็กจุดน้อย ลอกเลียนกิ่งไม้ได้อย่างแนบเนียนมาก เบื้องหลังการเปลี่ยนสีของเจ้าตั๊กแตนใบไม้จะขึ้นอยู่กับขึ้นกับอุณหภูมิ ความชื้น และความเข้มของแสงในสภาพแวดล้อมท่อาศัยอยู่ โดยการทำงานของเซลล์ epidermis ที่อยู่เหนือผิว cuticle ซึ่งจะมีเม็ดสี (pigment granules) คอยเคลื่อนที่เข้าในเซลล์เพื่อตอบสนองกับสิ่งแวดล้อม
ที่มา http://www.insect-mall.idv.tw/
หนอนคืบ ในระยะการเป็นตัวหนอนมันจะต้องระวังภัยจากนกที่คอยสอดสายตาหาหนอนตัวอ้วนเป็นอาหาร โดยสังเกตจากร่องรอยการแทะใบไม้ของหนอนนั้นเอง เจ้าหนอนผีเสื้อจึงเอาตัวรอดด้วยการกินใบไม้แบบใหม่ไม่ก้มหน้าก้มตากินอย่างเดียว แต่จะค่อยๆแทะเล็มซิกแซ็กไปตามขอบของใบไม้ เมื่อจัดการเสร็จใบไม้แต่ละใบก็จะมีรูปรางคล้ายแบบเดิมแค่ขนาดเล็กลงเท่านั้นเอง
เจ้าแมงมุมกระโดดคล้ายมดแดง (Ant-Mimicking Jumping Spider) จัดออยู่ในสกุล Myrmarachne พวกมันปลอมตัวเป็นมด (ant mimicry) โดยจำลองรูปร่าง ทั้งพฤติกรรมและสีสัน ให้คล้ายกับมดมากที่สุด ลักษณะเช่นนี้เรียกว่า myrmecomorphy ในตัวเมียนั้น จะเลียนแบบพฤติกรรมและท่าทางของมดงานธรรมดาๆ แต่ตัวผู้ที่จะต้องอวดระยางค์จับเหยื่อ (chicerae) ที่ยื่นยาวออกมา เมื่อจับคู่ผสมพันธุ์ ทำให้การพรางตัวไม่แนบเนียนเท่าตัวเมีย มันจึงต้องเลียนแบบมดงานที่กำลังขนสัมภาระไว้ในขาจึงเรียกการเลียนแบบนี้ว่า compound mimicry
ที่มา cellar.org
ปลาหมึกยักษ์นักเลียนแบบ (mimic octopus) มันอยู่ในสายพันธุ์หนึ่งของปลาหมึกสาย มันคือนักปลอมตัวชั้นยอด เมื่อต้องเจอกับปลาสลิดหิน (damselfish) หรือปลาตัวตลก (clownfish) มันกลายร่างเป็นงูทะเลชนิดหนึ่งซึ่งมีชื่อว่า "banded sea snake" ซึ่งจับเจ้าปลาชนิดนี้กินเป็นประจำ โดยจะซ่อนหนวดไว้ 6 เส้นและทำตัวเป็นเส้นโค้งยาวๆ บางสถานการณ์มันจะแผ่หนวดออกไปรอบๆ ทุกทิศทุกทาง เพื่อเลียนแบบครีบของปลาสิงโตที่มีพิษ หรือหุบหนวดให้ไปทางเดียวกันเพื่อเลียนแบบปลาลิ้นหมา (flatfish) ซึ่งเป็นปลามีพิษ
ที่มา pantherkut.com
ที่มา a.abcnews.com
ที่มา http://www.animalpicturesarchive.com/
ปลาปากแตร (Trumpetfish) อยู่ใน Family Aulostomidae มันมีลำตัวยาวเรียว ปากของมันจะยาวยื่นออกมาคล้ายลักษณะของแตรพบได้ในทะเลเขตร้อน เป็นนักล่าที่ว่ายน้ำได้ค่อนข้างช้า ในการหาเหยื่อมันจึงอาศัยวิธีแฝงตัวอยู่กับปลาอื่นๆ เช่น ปลานกขุนทอง ปลานกแก้วหรือปลาแพะ โดยการหลบอยู่ด้านหลังของปลาอีกตัวหนึ่งที่มีขนาดใหญ่กว่าเพื่อใช้เป็นที่กำบัง และคอยแย่งเหยื่อจากปลาเหล่านั้น บางครั้งมันก็เลือกที่จะอาศัยไปกับปลาชนิดที่กินพืช เพราะมีโอกาศในการเข้าถึงเหยื่อดีกว่าซ่อนอยู่หลังปลากินเนื้อ
ที่มา montgomerycollege.edu
ปลากบ (Frogfish) อยู่ใน Order Lophiformes มันมีนิสัยชอบเกาะนิ่ง ๆ อยู่ตามพื้นมากกว่าที่จะชอบว่ายน้ำ ครีบของมันจึงไม่ได้ถูกออกแบบมาให้เหมาะแก่การว่ายน้ำ แต่จะยื่นออกมาคล้ายกับขาของกบมันจึงมักจะเคลื่อนที่ด้วยการก้าวเดิน แทนที่จะว่ายน้ำไป มันจึงถูกขนานนามว่าปลากบ นอกจากนี้มันยังถูกจัดอยู่ในกลุ่มของปลานักตกเบ็ด (Anglerfish) ลักษณะเด่นของปลาในกลุ่มนี้ก็คือ จะมีก้านครีบด้านบนหัวที่พัฒนาขึ้นมาเป็นก้านเล็ก ๆ ยาวใสคล้าย ๆ คันเบ็ด และที่ปลายก้านครีบนี้จะมีพู่เล็ก ๆ ติดอยู่ส่วนบนของหัว เพื่อให้ปลาที่เป็นเหยื่อหลงกล คิดว่าเป็นเหยื่อจำพวกกุ้ง หรือปลาตัวเล็ก เจ้าปลากบยังมีพิเศษคือมีขนยาวรุงรังคล้ายกับกอสาหร่ายเพื่อเป็นการพรางตัว เมื่อปลาตัวเล็กๆหลงกลว่ายเข้ามา ก็ตกเป็นเหยื่อของเจ้าปลากบไปอย่างย่างง่ายดาย
ที่มา http://www.scubaduba.com/
ที่มา http://www.thelensflare.com/
กลยุทธ์การพรางตัวของสัตว์แต่ละชนิด มันย่อมเลือกให้เหมาะสมว่าตอนนั้นจะเป็นนักล่าหรือผู้ถูกล่า สิ่งแวดล้อมและเป้าหมายของมันย่อมเป็นตัวกำหนดรูปแบบการพรางตัว ว่าจะเลือกใช้กลิ่นลวงหลอก ตบตาด้วยรูปลักษณ์ที่โดเด่น พรางกายในหายไปกับสภาพแวดล้อม รวมทั้งสร้างเสียงเพื่อให้สับสน
ความพยายามของนักพรางกายทั้งหลายสมควรจะได้รางวัลหรือไม่ การรักษาชีวิตให้คงอยู่คงเป็นคำตอบที่ดีที่สุด
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น