เมื่อลูกเริ่มมีเรื่องยุกยิกหัวใจ ควรรับมืออย่างไร
เวลาที่ลูกวัยรุ่นมีปัญหากุ๊กกิ๊กจุ๊กจิ๊กหัวใจ ลูกๆ ของเราเขาคงแอบไปปรึกษาที่ปรึกษาไซเบอร์ หรือไม่ก็โทร.เข้าไปปรึกษาพี่ดีเจทางรายการวิทยุต่างๆ ซะมากกว่าจะมาปรึกษาผู้ใหญ่อย่างเรา
เคยถามวัยรุ่นเหมือนกันว่าทำไมไม่ปรึกษาพ่อแม่ เขาบอกว่า... กลัวพ่อแม่ว่าบ้างละ ...พ่อแม่ไม่เข้าใจบ้างละ หรือไม่ ...
"ก็มันไม่อยากอ่ะ"
เดาว่าน่าจะเป็นเพราะผู้ใหญ่อย่างเราๆ มักจะมองว่าเป็นปัญหาเด็กๆ จิ๊บจ๊อย ไร้สาระ แต่เรื่องจิ๊บจ๊อยแบบนี้แหละมีสาระสำมะคัญนัก เพราะมันเป็นส่วนหนึ่งของการเติบโตจากเด็กหญิงเด็กชายเป็น 'นางสาว' และ 'นาย' เช่นเดียวกับหนวดเคราที่ขึ้นเขียว เสียงแตกพร่าในลูกชาย ทรวดทรงองค์เอวที่เริ่มโค้งเว้าในลูกสาว เป็นจุดเริ่มต้นที่ลูกๆ ของเราเติบโตเป็น'ผู้หญิง' 'ผู้ชาย' เต็มตัว
แต่ลูกๆ ซึ่งเพิ่งพ้นวัยเด็กมาเมื่อวานซืนยังเหมือนมือใหม่หัดขับค่ะ ...จะวางตัวยังไง พูดยังไงกับเพศตรงข้าม แค่เดินผ่านยังเคอะเขินเลย... แล้วยิ่งถ้าชอบเขาล่ะ จะทำยังไงดี เด็กๆ เขาเริ่มชอบเริ่มสนใจกันเป็นเรื่องของธรรมชาติพัฒนาการของวัย ไม่ได้หมายความว่าเขาจะตั้งหน้าตั้งตาเป็นแฟนกันเสมอไปนะคะ ซึ่งถ้าผู้ใหญ่เข้าใจและสอนให้เด็กๆ วางตัวให้เหมาะสม ทั้งหญิงและชายก็จะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้ ไม่น่าห่วง
คุณพ่อคุณแม่จึงควรเข้ามาเป็นเทรนเนอร์ช่วยให้ลูกแสดงบทบาท 'ชาย' 'หญิง' ได้อย่างถูกต้องเหมาะสม สวยงาม ก่อนที่เขาจะไปเลียนแบบภาพยนตร์ มิวสิกวิดีโอ ที่มักสร้างภาพวัยใส 15 หยกๆ 16 หย่อนๆ จับจูงมือเป็นแฟนกัน หรือว่าภาพสาวทำตัวเซ็กซี่ แต่งตัวเซ็กซี่เป็นที่ต้องตาต้องใจชายหนุ่ม ชวนให้ลูกสาวของเราหลงคิดว่าต้องทำแบบนั้นบ้างจึงจะเรียกร้องความสนใจเพศตรงข้ามได้
เราควรสอนให้ทั้งลูกสาวและลูกชายรู้จักวางตัว หรือใช้ 'ภาษากาย' อย่างเหมาะสมต่อเพศตรงข้าม และรู้จักอ่านภาษากายของเพศตรงข้ามให้ถูกต้องด้วย เพื่อเขาจะได้เติบโตเป็น 'หญิง' เป็น 'ชาย' ที่แสดงออกอย่างเหมาะสม และอยู่ร่วมกันฉันมิตร โดยผู้ใหญ่หายห่วงว่าเขาจะพากันทำเรื่องเสียหาย
เพราะฉะนั้นถ้าเมื่อไหร่ลูกเขาเปิดปากถามเรื่องผู้หญิง ผู้ชาย ปรึกษาปัญหาหัวใจ อย่าเพิ่งหาว่าเขาแก่แดด รีบฉวยโอกาสนาทีทองพูดคุยกับเขา และสอนให้ลูกได้รู้ในเรื่องต่อไปนี้
หญิง-ชาย เป็นเพื่อนกันได้
บอกให้ลูกรู้ว่า... หญิงและชายเป็นเพื่อนกันได้ การที่ลูกชอบเพื่อนเพศตรงข้าม อาจเป็นเพราะเขามีอะไรที่ถูกใจเรา ความรู้สึกเช่นนี้ยังไม่ใช่ความรักหรอก การคบหาเป็นเพื่อนน่าจะสะดวกใจกว่า และถ้าอยากทำความรู้จักคุ้นเคยกับเพศตรงข้าม ก็สามารถทำได้ แต่ต้องปฏิบัติตัวอย่างเหมาะสมด้วยเพื่อให้อีกฝ่ายเข้าใจเจตนาของเรา เช่น ใช้คำพูดสุภาพ ท่าทีเป็นมิตร (ไม่ใช่แบบที่เด็กผู้ชายชอบรวมแก๊งกันแซวหญิง โดยหารู้ไม่ว่าผู้หญิงเขาเกลียดนัก) หลีกเลี่ยงการพูดคุยกันสองต่อสองในที่ลับตา การจับมือถือแขน ควรให้เกียรติกันและกัน ด้วยการใช้คำพูดดีๆ ต่อกัน ไม่ล่วงเกินกันทั้งการกระทำและคำพูด อีกทั้งช่วยเหลือกันและกัน
เด็กหญิงเป็นสาวเร็วกว่าเด็กชาย
บอกให้ลูกรู้ว่า... ผู้หญิงเป็นสาวเร็วกว่าผู้ชาย เด็กผู้หญิงมีประจำเดือนเมื่ออายุโดยเฉลี่ย 13 ปี และร่างกายเริ่มเปลี่ยนเป็นสาว เพราะฉะนั้นลูกสาวต้องระมัดระวังในการแต่งตัวที่เปิดเผยหรือเน้นรูปร่าง กิริยาที่ดูเป็นสาวเกินตัว ในขณะที่เด็กผู้ชายเป็นหนุ่มช้ากว่า คือจะเป็นหนุ่มเมื่ออายุราว 15 ปี ในวัยที่เริ่มสาวนี้ลูกสาวของเราอาจเริ่มสนใจรุ่นพี่ที่แก่กว่าเพราะว่าเพื่อนผู้ชายร่วมชั้นเรียนยังดูเป็นเด็ก
ผู้ชายมีพลังขับทางเพศมากกว่า
บอกให้ลูกรู้ว่า... ผู้ชายมีความรู้สึกทางเพศง่ายกว่าผู้หญิง เมื่ออยู่ใกล้ชิดกัน สัมผัสต้องเนื้อต้องตัว ผู้ชายอาจเกิดความรู้สึกทางเพศได้ เพื่อนชาย - หญิงจึงต้องมีขอบเขตในการใกล้ชิดกัน ไม่เล่นหัวถึงเนื้อตัวกันแบบเด็กๆ อีกต่อไป ดังคำไทยๆ ที่สอนหญิงว่า ให้ "รักนวลสงวนตัว" ซึ่งหมายถึง ไม่เปิดโอกาสให้ผู้ชายได้สัมผัสทั้งทางร่างกาย และสายตาอันจะกระตุ้นให้ผู้ชายเกิดความรู้สึกทางเพศได้ ส่วนผู้ชายก็มีคำสอนว่า ให้ "เป็นสุภาพบุรุษ" ไม่ฉวยโอกาสถูกเนื้อต้องตัวผู้หญิง
หญิง-ชายเท่าเทียมกัน แต่ก็มีความแตกต่างกัน
บอกให้ลูกรู้ว่า... หญิง-ชายมีความเท่าเทียมกัน เช่น ผู้หญิงสามารถเป็นหัวหน้าได้เช่นเดียวกับผู้ชาย เป็นเพื่อนร่วมแก๊ง เล่นกีฬาด้วยกันได้ แต่หญิง-ชายก็มีความแตกต่างกันทั้งทางสรีระ ฮอร์โมน ความรู้สึกนึกคิด การรับรู้ ถ้าต่างเรียนรู้และยอมรับกันว่าบางอย่างผู้หญิงทำได้ดีกว่าผู้ชาย บางอย่างก็ทำไม่ได้เหมือนผู้ชาย ส่วนผู้ชายก็ทำได้บางอย่างดีกว่าผู้หญิง และมีบางอย่างที่ทำไม่ได้ เมื่อร่วมงานกันก็จะเป็นทีมเวิร์กที่ดี บอกให้ลูกรู้ว่าไม่ควรปิดกั้นเพื่อนเพศตรงข้าม หรือแยกกลุ่มเฉพาะหญิง เฉพาะชาย
หญิง-ชาย รู้สึกนึกคิดต่างกัน
บอกให้ลูกรู้ว่า... หญิง - ชาย รู้สึกนึกคิดในเรื่องต่างๆ แตกต่างกัน บางครั้งแทบจะเรียกได้ว่ามองกันคนละมุม เช่น เด็กผู้ชายเห็นว่าเด็กผู้ชายที่อ่อนโยนดูไม่เป็นลูกผู้ชาย ส่วนเด็กผู้หญิงนั้นคิดว่าเด็กผู้ชายที่สุภาพอ่อนโยนนั้นน่าคบหา... คุณแม่สามารถให้คำปรึกษาแก่ลูกชายในเรื่องความรู้สึกนึกคิดของผู้หญิง และคุณพ่อให้คำปรึกษาแก่ลูกสาวว่าผู้ชายรู้สึกนึกคิดอย่างไร ให้ลูกเรียนรู้เรื่องหญิง - ชาย ไม่ใช่ 'ชี้โพรงให้กระรอก' แต่ชี้ทางเดินให้ลูกเติบโตเป็นหนุ่มสาวที่งามสง่าไปด้วยกัน
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น